สมาร์ทมิเตอร์คืออะไร? จะกำหนดได้อย่างไร?
ก มิเตอร์อัจฉริยะ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับการรวบรวมข้อมูลในโครงข่ายอัจฉริยะ (โดยเฉพาะในโครงข่ายกระจายอัจฉริยะ) ซึ่งทำหน้าที่รวบรวม วัด และส่งข้อมูลพลังงานปฐมภูมิ นอกเหนือจากฟังก์ชันพื้นฐานของมิเตอร์แบบเดิมแล้ว มิเตอร์อัจฉริยะยังมีฟังก์ชันอัจฉริยะอีกมากมายเพื่อปรับให้เข้ากับการใช้แหล่งพลังงานใหม่และกริดอัจฉริยะ
คุณสมบัติและฟังก์ชั่นที่สำคัญ:
1. ฟังก์ชั่นการวัดแสงแบบ Dual-rate: มิเตอร์อัจฉริยะ สามารถรองรับอัตราได้หลายอัตรา เช่น ราคาสูงสุด ราคาคงที่ และราคาต่ำสุด เพื่อปรับให้เข้ากับกลยุทธ์การกำหนดราคาที่แตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมค่าไฟฟ้าได้ดีขึ้น
2. ฟังก์ชั่นการควบคุมผู้ใช้: มิเตอร์อัจฉริยะ ช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าจากระยะไกล เช่น การปิดเครื่องปรับอากาศ หรือตั้งเวลาทำความร้อนของเครื่องทำน้ำอุ่น ส่งผลให้มีการอนุรักษ์และเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
3. โหมดการส่งข้อมูลที่หลากหลายและฟังก์ชันการสื่อสารแบบสองทิศทาง: มิเตอร์อัจฉริยะมีความสามารถในการสื่อสารที่แข็งแกร่ง ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลไปยังระบบการจัดการกริดผ่านวิธีแบบใช้สายหรือไร้สาย เช่น RS-485, Wi-Fi, LoRa หรือ NB-IoT สำหรับการตรวจสอบและการจัดการแบบเรียลไทม์
4. ฟังก์ชั่นป้องกันการโจรกรรม: มิเตอร์อัจฉริยะสามารถป้องกันการโจรกรรมด้วยวิธีการทางเทคนิค เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการตรวจสอบระยะไกล เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยของกริด
เกณฑ์ในการพิจารณาว่ามิเตอร์ฉลาดหรือไม่:
1. สังเกตรูปลักษณ์ของมิเตอร์: แม้ว่ามิเตอร์อัจฉริยะอาจมีรูปลักษณ์ไม่แตกต่างจากมิเตอร์แบบเดิม แต่โดยทั่วไปแล้วมิเตอร์จะมีโมดูลการสื่อสารระยะไกลและหน้าจอแสดงผลที่แสดงพารามิเตอร์ต่างๆ เช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้า
2. สอบถามเกี่ยวกับบริการสาธารณูปโภค: การตรวจสอบว่าบริษัทสาธารณูปโภคให้บริการอ่านมิเตอร์อัตโนมัติ สอบถามข้อมูลการใช้งาน และบริการตรวจสอบแบบเรียลไทม์หรือไม่ สามารถช่วยระบุได้ว่ามิเตอร์อัจฉริยะหรือไม่
3. ตรวจสอบการทำงานของมิเตอร์: มิเตอร์อัจฉริยะมักจะมีฟังก์ชันการควบคุมระยะไกล เช่น การเปิด/ปิดอุปกรณ์ และการจำกัดการใช้ไฟฟ้า ฟังก์ชันเหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้พลังงานจากระยะไกลได้
เมื่อเลือกและซื้อมิเตอร์อัจฉริยะ:
1. ระดับความแม่นยำ: ระดับความแม่นยำของมิเตอร์อัจฉริยะเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความแม่นยำในการวัด ระดับความแม่นยำที่สูงขึ้นหมายถึงข้อผิดพลาดในการวัดที่น้อยลง
2. วิธีการสื่อสาร: มิเตอร์อัจฉริยะมักจะมีความสามารถในการสื่อสารระยะไกล โดยมีวิธีทั่วไป ได้แก่ RS-485, LoRa, Wi-Fi และ NB-IoT ผู้ใช้ควรเลือกวิธีการสื่อสารที่ตรงกับความต้องการของตน
3. พิกัดปัจจุบัน: ควรเลือกพิกัดปัจจุบันของมิเตอร์อัจฉริยะตามการใช้พลังงานจริง พิกัดกระแสไฟฟ้าทั่วไป ได้แก่ 5A (60A), 10A (100A), 20A (200A) เป็นต้น
4. ฟังก์ชันการวัดพลังงาน: มิเตอร์อัจฉริยะอาจมีฟังก์ชันการวัดพลังงานเพิ่มเติม เช่น กำลังไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ กำลังไฟฟ้ารีแอกทีฟ ตัวประกอบกำลังปรากฏ และอื่นๆ
5. ฟังก์ชันบันทึกเหตุการณ์: โดยทั่วไปมิเตอร์อัจฉริยะจะมีฟังก์ชันบันทึกเหตุการณ์ที่บันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เช่น แรงดันไฟฟ้าเกิน กระแสไฟฟ้าเกิน และการตัดการเชื่อมต่อ
6. ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ: ในฐานะที่เป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้า ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมิเตอร์อัจฉริยะ ผู้ใช้ควรให้ความสนใจว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบมาตรฐานระดับชาติตลอดจนบริการหลังการขายและระยะเวลาการรับประกันหรือไม่
7. ความเข้ากันได้และการขยาย: ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะและ IoT มิเตอร์อัจฉริยะควรเข้ากันได้กับอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ เพื่อให้เกิดการจัดการพลังงานที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น